วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

1.1  ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
                เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยคำ 3 คำ คือ "เทคโนโลยี" "สารสนเทศ" และ "การสื่อสาร" ซึ่งมีความหมาย ดังนี้
   เทคโนโลยี(technology)
การนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่คนในสังคม

สารสนเทศ(information)

ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการประมวลผลอย่างมีระบบ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ตามความต้องการ

การสื่อสาร(communication)
การส่งข้อมูลข่าวสารโดยอาศัยสื่อตัวกลาง  จากบุคคลหนึ่งหรือสถานที่หนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งหรืออีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฎิกิริยาตอบสนองให้เป็นไปตามที่ผ้ส่งข่าวต้องการ

           เทคโนโลยีสารสนเทศ
                    เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology : IT) มาจากคำว่า "เทคโนโลยี" กับ "สารสนเทศ" เชื่อต่อกัน หมายถึง การนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการกับข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ และก่อให้เกิดประโยชน์ในการทำงาน หรือแก้ปัญหาต่างๆ ให้แก่บุคคลหรือองค์กร


              เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
                        เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology : ICT) คือ การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม เพื่อผลิต เผยแพร่ และจัดเก็บสื่อสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว วีดิทัศน์ เสียง เป็นต้น
   
1.2 ระบบสารสนเทศ
               ระบบสารสนเทศ (information system) เป็นระบบที่ช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ และจัดการกับข้อมูลต่างๆอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย 5 ส่วนสำัคัญ คือ
                 1) ฮาร์ดแวร์ (hardware) เป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการกับสารสนเทศ ทั้งที่เป็นอุปกรณ์คอมพิวตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ 

                2)ซอฟต์แวร์ (software) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งการให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ภายใต้ขอบเขตที่คอมพิวเตอร์นั้นๆสามารถทำได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 
                       -ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) เป็นชุดคำสั่งที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการทำงานต่างๆได้

                        -ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) เป็นชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อประยุกต์ใช้กับงานตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน 

                3)ข้อมูล(data) ข้อมูลต้องสมบูรณ์ ถูกต้อง แม่นยำ และเชื่อถือได้ โดยจะถูกรวบรวมและป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยอุปกรณ์รับข้อมูลต่างๆ  ทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลจะต้องมีโครงสร้างที่เป็นระบบเพื่อให้สืบค้นได้อย่างรวดเร็วและมีประิสิทธิภาพ 
                 4)บุคลากร(people) ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์โดยแบ่งออกเป็นผู้พัฒนาและผู้ใช้ระบบสสารสนเทศ
  
                 5)ขั้นตอนการปฎิับัติงาน(procedure) ผู้ใช้ต้องทำตามระเบียบการทำงานอย่างเคร่งครัด เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ 
   
1.3 ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
       1) ด้านการศึกษา
            ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารการศึกษาเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ และยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน เช่น การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
        
         2) ด้านการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล
              ข้อมูลจำนวนมากได้ถูกรวบรวมและบันทึกไว้ในรูปของสื่อบันทึกข้อมูลประเภทต่างๆเช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นซีดีรอม
           
          3) ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
              การสื่อสารแบบไร้สายมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนในสังคมที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็ว เช่น การหาข้อมูลจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การใช้โทรศัพท์ติดต่อกัน การส่ง e-mail ถึงกัน เป็นต้น
  
           4) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                การวิจัยและการทดลองวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งสิ้น เช่น การวิจัยด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ งานด้านวิศวกรรมศาสตร์ทีมีการออกแบบโครงสร้างที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน เป็นต้น

            5) ด้านความบันเทิง
                 รูปแบบการนำเสนอที่ตอบสนองความต้องการทั้งภาพและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศต่างๆที่สะดวกรวดเร็ว ทำให้ได้รับความนิยมแพร่หลาย เช่น การดูโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต การดูภาพยนตร์ผ่านมือถือ การเล่นเกมส์ออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

                     นอกจากประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีประโยชน์ด้านอื่นอีก เข่น ด้านสิ่งพิมพ์ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านวามมั่นคง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำมาปรับใช้ให้เป็นไปตามหลักคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ

1.4 แนวโน้วการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
               - เทคโนโลยีแบบไร้สายทำให้การสื่อสารมีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
               - มีการใช้ระบบเสมือนจริงผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม
               - อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีขนาดกะทัดรัดราคาถูก แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
               - การวางแผน การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจของคนจะถูกแทนที่โดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ
               - ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำให้มีช่องทางการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่างๆเพิ่มมากขึ้น
               - หน่วยงานหรือองค์กรจะมีขนาดเล็กลง แต่จะปรับเปลี่ยนเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระหว่างหน่อยงานย่อยๆเพิ่มมากขึ้น
             
           แนวโน้วด้านอื่นๆยังมีอีกมาก เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อจะได้พัฒนาให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อไปในอนาคต

1.5 ผลกระทบจากการใช้งานเทคโนโลยีสารเทศและการสื่อสาร
                 - พฤติกรรมเลียนแบบจากเกมที่ใช้ความรุนแรง อาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมได้
                 - การใช้ชีวิตของสังคมเมืองเปลี่ยนไป ทำให้การพบปะของผู้คนน้อยลง ส่งผลให้สัมพันธภาพทางสังคมลดน้อยลงตามไปด้วย
                 - การเข้าถึงข้อมูลระบบเครือข่ายที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทำให้เกิดช่องทางการโจรกรรมเพิ่มมากขึ้น
                 - ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การผลิตของผิดกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น
                 - การส่งต่อข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ บนระบบเครือข่าย เช่น E-mail  Facebook ถ้าผู้ส่งไม่ระมัดระวังอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนบุคคลได้
                 - เมื่อเทคโนโลยีสานสนเทศและการสื่อสารพัฒนาขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแนวโน้วสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีมาตราการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้

1.6 อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
                   - นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์(programmer) ทำหน้าที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ตามที่ต้องการ เช่น โปรแกรมฐานข้อมูลคลังสินค้า โปรแกรมการคำนวณทางด้านวิศกรรม  เป็นต้น
                   - นักวิเคราะห์ระบบ(system analyst) ทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
                   - ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (network administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบเครือข่าย และดูแลความปลอดภัยระบบเครือข่ายภายในองค์กร
                   - ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์ (webmaster) ทำหน้าที่ดูแลและคอยควบคุมทิศทางของเว็บไซต์ตั้งแต่เนื้อหาภายในเว็บไปจนถึงหน้าตาของเว็บเพจให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
                   - เจ้าหน้าที่เทคนิค (technician) ทำหน้าที่ดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
             
             นอกจากนี้ ยังมีอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอีกมากมาย เช่น ผู้ดูแลและบริหารระบบ (system administrator)  นักเขียนเกม(game maker)  นักออกแบบเว็บไซต์(web designer)  นักพัฒนาเครื่องมือ(tool developers)  นักประชาสัมพันธ์(publicist) เป็นต้น
 
ตอบคำถามซอฟแวร์ประยุกต์
     Adobe Photoshop มีความสามารถคร่าวๆอย่างไรบ้าง


ตอบ  
          โปรแกรมโฟโตชอปเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในการจัดการไฟล์ข้อมูลรูปภาพที่มีประสิทธิภาพ การทำงานกับไฟล์ข้อมูลรูปภาพของโฟโตชอปนั้น ส่วนใหญ่จะทำงานกับไฟล์ข้อมูลรูปภาพที่จัดเก็บข้อมูลรูปภาพแบบ Raster โฟโตชอปสามารถใช้ในการตกแต่งภาพเล็กน้อย เช่น ลบตาแดง, ลบรอยแตกของภาพ, ปรับแก้สี, เพิ่มสีและแสง หรือการใส่เอฟเฟกต์ให้กับรูป เช่น ทำภาพสีซีเปีย, การทำภาพโมเซค, การสร้างภาพพาโนรามาจากภาพหลายภาพต่อกัน นอกจากนี้ยังใช้ได้ในการตัดต่อภาพ และการซ้อนฉากหลังเข้ากับภาพ
         โฟโตชอปสามารถทำงานกับระบบสี RGB, CMYK, Lab และ Grayscale และสามารถจัดการกับไฟล์รูปภาพที่สำคัญได้ เช่น ไฟล์นามสกุล JPG, GIF, PNG, TIF, TGA โดยไฟล์ที่โฟโตชอปจัดเก็บในรูปแบบเฉพาะของตัวโปรแกรมเอง จะใช้นามสกุลของไฟล์ว่า PSD จะสามารถจัดเก็บคุณลักษณะพิเศษของไฟล์ที่เป็นของโฟโตชอป เช่น เลเยอร์, ชันแนล, โหมดสี รวมทั้งสไลส์ ได้ครบถ้วน
    


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น